ลมหนาวย่างเข้ามา...ช่วงนี้อากาศบ้านเราค่อนข้างจะเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ
ทำให้ร่างกายหลายๆ คนปรับตัวไม่ค่อยทัน เป็นสาเหตุทำให้หลายๆ
คนเป็นไข้หวัดกัน
วันนี้ขอนำสาระน่ารู้เกี่ยวกับอาหารต้านหวัดมาฝากกันค่ะ
อย่าลืมดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีด้วยนะคะ....ด้วยความห่วงใยและปรารถนาดี
จาก HR&OD
"หวัดหรือโรคหวัด" ไม่ใช่โรคธรรมดาๆ อย่างที่คิด
เพราะเมื่อเป็นแล้วถ้าดูแลรักษาไม่ดีก็จะมีโรคอื่นที่หนักกว่าแทรกซ้อนขึ้นมาได้
เช่น คออักเสบ หลอดลมอักเสบ ทอนซิลอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ
ซึ่งอาการดังกล่าวต้องอาศัยยาปฏิชีวนะและต้องกินให้ครบ
การกินยาไม่ครบจะเกิดดื้อยา และเกิดโรคแทรกซ้อนที่รุนแรงขึ้นได้
ที่พบบ่อยๆ ได้แก่โรคปอดบวมและโรคกรวยไตอักเสบ
ฉะนั้นการรักษาหวัดตั้งแต่เริ่มเป็นจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ถึงแม้จะยังไม่มีวิธีการป้องกันหวัดได้อย่างแน่นอน
แต่วิธีที่ทำให้การเป็นหวัดยากขึ้นก็สามารถทำได้โดยไม่ยากนัก
การเลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยได้
โดยเน้นการรับประทานผักและผลไม้ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ
และระมัดระวังความสะอาดของอุปกรณ์การรับประทานอาหารในแต่ละมื้อ
สำหรับอาหารต้านหวัดที่เป็นที่นิยมกันในปัจจุบันที่รวบรวมได้มีดังนี้
1. เอชินาเซีย (Echinaecea) เป็นอาหารสมุนไพรที่นิยม
และได้รับการยอมรับในประเทศเยอรมนี สำหรับใช้ในการรักษาหวัด
ไข้หวัดใหญ่และโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ
จากข้อมูลการวิจัยพบว่าอาหารสมุนไพรนี้จะทำให้เพิ่มภูมิต้านทาน
แต่ควรใช้ในระยะสั้นๆ ตั้งแต่ 2-3 วันถึง 2
สัปดาห์ที่เริ่มต้นเป็นหวัดจะได้ผลดีที่สุด
2. ยาอมเสริมสังกะสี
มีข้อมูลการวิจัยพบว่ายาอมที่มีส่วนผสมของสังกะสีกูลโคเนตไกลซีน
(Zinc-gluconate-glycine) นั้น
จะสามารถลดระยะการเป็นหวัดรวมถึงความรุนแรงของอาการหวัดได้
แต่บางข้อมูลการวิจัยบอกว่าไม่มีผลช่วยลดอาการหวัด
3. วิตามินซี การรับประทานวิตามินซีในขนาดสูงๆ
ไมาสามารถป้องกันหวัดได้ ถ้าการรับประทานวันละ 2,000 มิลลิกรัม
จะช่วยลดความรุนแรงของอาการหวัด และระยะการเป็นหวัดได้เท่านั้น
แต่ไม่เหมาะสำหรับเด็ก หญิงมีครรภ์ และให้ลูกกินนม
แต่ถ้าหากดื่มน้ำส้มคั้นมากๆ ก็จะได้ทั้งน้ำ
และวิตามินซีที่จะช่วยลดอาการหวัดได้เช่นเดียวกัน
4. ชาเปปเปอร์มินต์ ในชาเปปเปอร์มินต์มีสารเมททอล
ดังนั้นการดื่มชาเปปเปอร์มินต์จะช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกน้ำมูกไหลเมื่อเป็นหวัดได้
สำหรับเคล็ดลับในการชงชาชนิดนี้ ขระแช่ชาควรปิดฝาด้วย
เพราะจะไม่ทำให้สารที่ออกมาระเหยไปเสียก่อนที่จะดื่ม
5. ซุปไก่ตุ๋น ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่าเป็น "เพนนิซิลิน
จากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ" จากข้อมูลการวิจัยพบว่า ซุปไก่ตุ๋นร้อนๆ
จะลดน้ำมูก ลดอาการคัดจมูก ทำให้หายใจคล่องขึ้น
รวมทั้งช่วยลดอาการอักเสบจากการติดเชื้อได้
6. ผลไม้
การรับประทานผลไม้ที่พอเพียงก็เป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้การเป็นหวัดยากขึ้น
เพราะในผลไม้จะมีสารอาหาร
วิตามินและเกลือแร่ที่มีความสำคัญต่อการต้านหวัดได้สูง
จากข้อมูลการวิจัยของมหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกา
ซึ่งได้ทำการวิเคราะห์วิตามินและเกลือแร่ 8 ชนิด คือ วิตามินเอ
ไทอะมิน ไรโบเฟลวิน ไนอะซิน โฟเลท วิตามินซี แคลเซียมและธาตุเหล็ก
ในผลไม้ที่นิยมรับประทานในเขตร้อน จำนวน 31 ชนิด พบว่า "ฝรั่ง"
มีวิตามินซีสูงที่สุดครองอันดับที่ 1 ตามมาด้วยผลกีวีและมะละกอ
10 อับดับผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เรียงจากมากไปน้อย ได้แก่
1. ฝรั่ง
2. ผลกีวี
3. มะละกอ
4. แคนตาลูป
5. สตรอเบอรี่
6. มะม่วง
7. มะนาว
8. ส้ม
9. แพชชันฟรุ๊ต
10.ผลเคอเร้นสีแดง
โดยสรุปแล้ว "อาหารต้านหวัด" มีอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลตัวเราเอง
ผลไม้นับได้ว่าเป็นอาหารที่รสอาหาร วิตามินและเกลือแร่ที่จำเป็นสูง
ที่สามารถทำให้การเป็นหวัดยากขึ้น จึงควรรับประทานเป็นประจำ
เพียงแต่ว่าควรรับประทานผลไม้ให้หลากหลายและรวมถึงผลไม้ 10
อันดับดังกล่าวด้วย
ที่มา : http://www.med.tu.ac.th